On-Premise มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปรับตัวรับทุกยุคสมัย ในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญ ควบคู่ไปกับ Cloud Computing องค์กรเลือกใช้แบบผสมผสาน ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลาย โดยสามารถแบ่งช่วงเวลาสำคัญตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันได้ ดังนี้
ยุค 1980: คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เมื่อเข้าสู่ยุค 1980 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเริ่มแพร่หลาย ผู้ใช้สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ได้เอง และการพัฒนาระบบเครือข่ายทำให้สามารถแบ่งปันข้อมูลและซอฟต์แวร์ได้สะดวกขึ้น
ยุค 1990: อินเทอร์เน็ต ในยุค 1990 อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลและซอฟต์แวร์จากทั่วโลกเป็นเรื่องง่ายขึ้น ซอฟต์แวร์แบบ On-Premise ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม เนื่องจากมีความปลอดภัยและการควบคุมที่ดี
ยุค 2000: Cloud Computing เมื่อเข้าสู่ยุค 2000 การเกิดขึ้นของ Cloud Computing ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ซอฟต์แวร์ผ่านเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกสบาย มีความยืดหยุ่น และประหยัดค่าใช้จ่าย ทำให้หลายองค์กรเริ่มย้ายซอฟต์แวร์ไปยัง Cloud
ยุคปัจจุบัน: การใช้งานแบบผสมผสาน ปัจจุบัน On-Premise ยังคงมีบทบาทสำคัญ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง สามารถควบคุมได้ดี และมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ Cloud Computing ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้หลายองค์กรใช้ทั้งสองระบบผสมผสานกันเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่หลากหลาย
อนาคต: การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคต คาดว่า On-Premise ยังคงมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ Cloud Computing จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรจะใช้เทคโนโลยีทั้งสองแบบผสมผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของ On-Premise ที่ช่วยให้องค์กรอุ่นใจพร้อมความสะดวกสบายที่ควบคุมเองได้
1. ความปลอดภัย สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับองค์กรที่จำเป็นต้องมี โดยต้องเลือกมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร On-Premise จะช่วยปกป้องข้อมูลและระบบของตนเองจากสิ่งต่างๆ เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ หรือ การรั่วไหลของข้อมูล ซึ่งมาตรการเหล่านี้อาจรวมถึง ไฟร์วอลล์ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและมัลแวร์ , ระบบควบคุมการเข้าถึง , การเข้ารหัสข้อมูล และ แผนสำรองข้อมูล
2. การวางแผน องค์กรต้องพิจารณาถึงความต้องการทางธุรกิจงบประมาณ และทรัพยากรที่มีอยู่ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ การวางแผนที่ดีจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบ On-Premise จะตอบสนองความต้องการขององค์กร และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การจัดการ องค์กรจำเป็นต้องมีทีมงานที่มีทักษะ ในการดูแลรักษาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เพื่อควบคุมประสิทธิภาพ มั่นใจได้ในระบบที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับบริการคลาวด์ ซึ่งต้องมีทีมงานคอยรับผิดชอบงานต่างๆ เช่น การติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์ การแก้ไขปัญหา การตรวจสอบประสิทธิภาพ การสำรองข้อมูล และ การรักษาความปลอดภัย
4. การควบคุม องค์กรหรือผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลและระบบต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ตามความต้องการ รับรู้ได้ว่าใครสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ รวมถึงปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและพนักงาน
5. ความยืดหยุ่น On-Premise สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการ ทั้งขนาดระบบไม่ว่าจะเป็น ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ หรือ ฟังก์ชันการทำงาน สามารถเลือกที่ตรงกับความต้องการเฉพาะได้เลย
6. ค่าใช้จ่าย แม้ On-Premise จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง แต่ในระยะยาวอาจมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการใช้บริการคลาวด์ โดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่มีผู้ใช้จำนวนมากและไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือน
On-Premise มีความสำคัญกับธุรกิจ และ ชีวิตประจำวันของพวกเราอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น
1. ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) : ช่วยให้ธุรกิจจัดการกระบวนการต่างๆ เช่น การเงิน การผลิต การจัดซื้อ การขาย และทรัพยากรบุคคล On-Premise ERP มักใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัย การควบคุม และความยืดหยุ่นสูง
2. ระบบ CRM (Customer Relationship Management) : ระบบ CRM ช่วยให้ธุรกิจจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า On-Premise CRM มักใช้ในธุรกิจที่ต้องการเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด และปรับแต่งระบบให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของตนเอง
3. ระบบอีเมล (On-Premise email) : องค์กรสามารถติดตั้งเซิร์ฟเวอร์อีเมลของตนเอง เพื่อให้พนักงานสามารถใช้ที่อยู่อีเมลขององค์กรได้
4. ระบบฐานข้อมูล (On-Premise database) : องค์กรสามารถติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลของตนเอง เพื่อเก็บข้อมูลธุรกิจขององค์กรได้
5. ระบบเว็บแอปพลิเคชัน (On-Premise web application) : องค์กรสามารถพัฒนาและติดตั้งเว็บแอปพลิเคชันของตนเองบนเซิร์ฟเวอร์ On-Premise มักใช้ในองค์กรที่ต้องการความปลอดภัย การควบคุม และความยืดหยุ่นสูงฃ
On-Premise มีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน ที่เราได้เจอกันบ่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น
1. ระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านแบบ On-Premise : ประกอบด้วยกล้องวงจรปิด เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว และสัญญาณเตือนภัยระบบเหล่านี้ช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของบ้านและได้รับแจ้งเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก
2. ระบบบันทึกภาพวิดีโอแบบ On-Premise : ใช้บันทึกภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ระบบเหล่านี้ช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถดูภาพวิดีโอสด หรือบันทึกไว้ดูย้อนหลังได้
3. ระบบเซิร์ฟเวอร์ NAS (Network Attached Storage) : ระบบ NAS ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูล และเข้าถึงข้อมูลจากอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายได้ On-Premise NAS มักใช้เก็บข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลธุรกิจขนาดเล็ก
4. ระบบสตรีมมิ่ง : ผู้ใช้สามารถติดตั้งเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งของตนเอง เพื่อสตรีมมิ่งภาพยนตร์ รายการทีวี และเพลง On-Premise streaming มักใช้ในผู้ใช้ที่ต้องการความยืดหยุ่น และต้องการควบคุมเนื้อหาที่สตรีม
หากทุกท่านชอบเรื่องราว IT ที่สนุกแบบเจาะลึก อย่าลืมติดตาม Avery IT Tech ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะครับ เราจะนำเสนอเรื่องราว IT ที่เข้าใจง่าย สบาย ๆ แบบไม่มีเบื่อเลย Avery IT Tech “เพราะเรื่อง IT อยู่รอบ ๆ ตัวคุณ”