ทำงานได้ทุกที่ เข้าถึงได้ทุกเวลา เพราะนี่คือ On Cloud


17/Jun/2024
Avery it tech
Operating System

เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือคุ้นชื่อกับระบบ On Cloud นี้กันมาบ้าง แต่อาจจะยังไม่เข้าใจในระบบปฏิบัติการของ On-Cloud อย่างแท้จริง วันนี้เราจะพามาทำความเข้าใจให้รู้มากขึ้นกว่าเดิมไปพร้อมกัน

On-Cloud คืออะไร ?

On-Cloud เปรียบเสมือนการเช่าใช้บริการระบบไอที ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เอง เปรียบเสมือนเรามีศูนย์ข้อมูลส่วนตัวอยู่บน Cloud ของผู้ให้บริการ

หรือ อธิบายให้เห็นภาพชัดขึ้น On-Cloud เปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวคอยดูแลระบบไอที ให้คุณทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องระบบล่มหรือข้อมูลหาย นั่นคือ On-Cloud ยกตัวอย่างบริการที่คุ้นเคย เช่น Gmail, Google Drive, Netflix, Facebook เป็นต้น

หลักการและความสำคัญของ On-Cloud ทำไมปัจจุบันถึงนิยมใช้กัน ?

On-Cloud เป็นระบบปฏิบัติการ การเก็บข้อมูลที่องค์กรหรือบริษัทขนาดเล็กหรือกลาง นิยมใช้กันในปัจจุบัน เนื่องจากใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ ทุกที่ ทุกเวลา สอดคล้องกับยุคสมัยใหม่ที่บางอาชีพสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ หรือที่เรียกว่า Work from anywhere โดย On-Cloud จะมีหลักการสำคัญและรายละเอียดดังนี้

  • เสมือนจริง (Virtualization) : แบ่งทรัพยากรจริง เช่น เซิร์ฟเวอร์ ฮาร์ดดิสก์ และ CPU ออกเป็นหน่วยย่อยเสมือนจริง ผู้ใช้สามารถเช่าใช้ตามต้องการ โดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์จริง
  • การให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต (Service Delivery) : ผู้ให้บริการ Cloud นำเสนอบริการไอทีผ่านอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์ใดๆ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • การจ่ายตามการใช้งาน (Pay-as-you-go) : ผู้ใช้จ่ายค่าบริการ On-Cloud ตามจริงตามปริมาณการใช้งาน เปรียบเสมือนการใช้น้ำประปา จ่ายเท่าที่ใช้ ไม่ต้องจ่ายเหมา
  • การปรับขนาดได้ (Scalability) : ผู้ใช้สามารถปรับขนาดทรัพยากร Cloud ขึ้นหรือลงได้ตามต้องการ เหมาะกับธุรกิจที่เติบโตเร็ว หรือมีการใช้งานที่ไม่แน่นอน
  • ความยืดหยุ่น (Flexibility) : On-Cloud มอบความยืดหยุ่นสูง ผู้ใช้สามารถเลือกใช้บริการต่างๆ ได้ตามต้องการ เปลี่ยนแปลงบริการได้ง่าย
  • การสำรองข้อมูล (Data Backup) : ผู้ให้บริการ Cloud มีระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ ช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลของผู้ใช้ปลอดภัย
  • ความปลอดภัย (Security) : ผู้ให้บริการ Cloud มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ช่วยป้องกันข้อมูลของผู้ใช้จากภัยคุกคามต่างๆ
  • การบริการตนเอง (Self-service) : ผู้ใช้สามารถจัดการบริการ Cloud ด้วยตนเอง ผ่านเว็บอินเทอร์เฟซ โดยไม่ต้องพึ่งพาฝ่าย IT
  • การอัปเดตอัตโนมัติ (Automatic Updates) : ผู้ให้บริการ Cloud จะทำการอัปเดตซอฟต์แวร์และระบบโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการอัปเกรด
  • การตรวจสอบ (Monitoring) : ผู้ให้บริการ Cloud มีระบบตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบ ช่วยให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างราบรื่น

ข้อดีข้อเสียของระบบ Cloud :

ด้านการเงิน เนื่องจากเป็นการจ่ายค่าเช่ารายเดือน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องลงทุนซื้อบ้านเอง ลดต้นทุนด้าน IT ไม่ต้องจ้างพนักงานดูแลระบบ ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง

ด้านการใช้งาน :

  • ความยืดหยุ่น : ปรับขนาดบ้าน เปลี่ยนแปลงห้องได้ง่าย
  • การเข้าถึงที่สะดวก : เข้าถึงบ้านได้ทุกที่ ผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • การทำงานร่วมกัน : การทำงานร่วมกันสะดวก รวดเร็ว ข้อมูลอัปเดตทันที
  • การสำรองข้อมูล : เจ้าของบ้านดูแลระบบสำรองข้อมูล

ด้านการจัดการ :

  • ความสะดวก : เจ้าของบ้านดูแลรักษาบ้าน ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมแซม
  • ความปลอดภัย : เจ้าของบ้านมีระบบรักษาความปลอดภัยบ้าน
  • ความน่าเชื่อถือ : เจ้าของบ้านมีระบบสำรองไฟฟ้าและน้ำ

ข้อเสียของการเช่าบ้านบน Cloud :

ด้านการควบคุม :

  • การพึ่งพาเจ้าของบ้าน : ผู้ใช้ต้องพึ่งพาเจ้าของบ้านในการใช้งานบ้าน
  • ความเป็นส่วนตัว : ข้อมูลของผู้ใช้จะอยู่ในบ้านของเจ้าของบ้าน
  • ความเสี่ยงด้านกฎหมาย : กฎหมายคุ้มครองบ้านอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ

ด้านการใช้งาน :

  • ความเร็ว : การใช้งานอาจช้าลงหากอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร
  • การจำกัดการใช้งาน : เจ้าของบ้านบางรายอาจจำกัดการใช้งานบางฟีเจอร์

ด้านค่าใช้จ่าย :

  • ค่าเช่ารายเดือน : จ่ายค่าเช่ารายเดือน อาจจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการซื้อบ้านในระยะยาว
  • ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม : อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับบริการบางประเภท

แล้วระบบ On-Cloud เหมาะกับธุรกิจแบบไหนกันนะ ?

เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง มีการขยายตัวหรือมีการใช้งานที่ไม่แน่นอน ต้องการความสะดวกในการใช้งาน มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ระบบ On-Cloud ควรพิจารณาเรื่องไหนบ้าง

  • เปรียบเทียบราคาและบริการจากผู้ให้บริการ Cloud หลายราย
  • ศึกษาข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการอย่างละเอียด
  • ประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
  • เตรียมแผนสำรองกรณีระบบขัดข้อง

ถ้าไม่ใช้ระบบ On-Cloud จะมีวิธีเก็บข้อมูลแบบไหนได้อีกบ้าง ?

จริงๆ แล้วยังมีวิธีการจัดการระบบและจัดเก็บข้อมูลอีกรูปแบบทีเรียกว่า On-Premise โดยจุดเด่นที่แตกต่างจาก On-Cloud คือ On-Premise สามารถจัดการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เอง และยังมีข้อเปรียบเทียบทางการใช้งานรวมถึงค่าใช้จ่าย และอื่นๆ อีกหลายเหตุผล หากใครที่สนใจสามารถเรียนรู้และอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ On-Premise แบบเจาะลึกได้ในบทความก่อนหน้านี้เลย

On-Cloud เปรียบเสมือนผู้ช่วยด้านไอที ช่วยให้ธุรกิจประหยัด คล่องตัว ปลอดภัย เหมาะกับธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการโฟกัสกับงานหลัก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ อย่างไรก็ตามควรเลือกระบบให้เหมาะสมต่อองค์กรหรือธุรกิจ เทียบเท่าความจำเป็นที่ต้องใช้ในหลายๆ เหตุผล เพื่อการตอบโจทย์ระบบที่ดีที่สุดต่อบริษัทรวมถึงพนักงานอีกด้วย

และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ ระบบ On-Cloud อย่างไรก็ตามในบทความหน้าเราจะพาทุกคนไปพบเจอกับ ประวัติวิวัฒนาการที่มาที่ไป เส้นทางการเกิด On-Cloud รวมทั้งประโยชน์และการปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วคุณจะอินกับเรื่องไอทีที่อยู่ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น Avery IT Tech เพราะ เรื่อง IT อยู่รอบ ๆ ตัวคุณ