Private Cloud เป็นระบบที่ออกแบบมาเหมือนการตั้งระบบโครงข่ายภายในองค์กร รวมทั้งระบบความปลอดภัยและการจัดเก็บข้อมูลไว้บนระบบขององค์กร และบริหารจัดการแบบไม่เปิดให้คนนอกเข้าถึงจากภายนอกมากนัก เป็นการเข้าถึงที่ยังยากแก่การบริหารจัดการแล้วเข้าถึงยาก แต่จะมีความปลอดภัยในข้อมูลที่สูง
ข้อดีสำหรับการใช้งาน
ข้อเสียสำหรับการใช้งาน
ดังนั้นหากดูความเป็นไปได้และเหมาะสมนั้น
แน่นอนต้องมีบุคลากรที่พร้อมดูแลทั้งโครงข่ายเน็ตเวิกที่เชี่ยวชาญพร้อมแก้ปัญหาการเชื่อมต่อ และผู้ดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่สามารถปรับปรุงนโยบายละกำหนดการใช้งานที่เหมาะสมให้กับธุรกิจหรือหน่วยงานที่ใช้ได้อย่างเหมาะสมดังนั้นด้วยความเหมาะสมเหล่านั้น ธุรกิจที่เหมาะสมต้องมีการให้ความสำคัญกับข้อมูลและดูแลผู้ใช้งานจำนวนมากด้วย เช่นระบบของภาครัฐ หรือ ระบบธนาคาร ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวที่สูง และ ความปลอดภัยของข้อมูลที่ต้องคำนึงถึงหากใช้บริการระบบคลาวด์ประเภทอื่นๆ
ระบบต่อไปคือ Public Cloud เป็นรูปแบบการให้บริการคลาวด์ ที่สะดวกกับผู้ใช้งานโดยที่คนออกแบบตั้งใจจะเป็นคนวางโครงสร้างโครงข่ายและมีการดูแลความปลอดภัยไปจนถึงคนเฝ้าระวังให้เรียบร้อยทั้งหมด ให้ผู้ใช้บริการสามารถขอแบ่งเช่าทรัพยากรไปใช้ได้ เช่น Microsoft Azure, Amazon , Google Cloud Platform เป็นต้น
ข้อดีสำหรับการใช้งาน
ข้อเสียสำหรับการใช้งาน
ดังนั้นหากดูความเป็นไปได้และความเหมาะสมนั้น
ระบบองค์กรธุรกิจที่ไม่ต้องการลงทุนสูงในช่วงเริ่มต้นอย่าง Start-Up หรือ SME ที่สามารถเริ่มธุรกิจได้เลยโดยไม่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ระบบของตัวเอง หรือธุรกิจหน่วยงานที่ไม่ได้เก็บข้อมูลสำคัญไว้มากนักเพราะปัจจัยด้านความปลอดภัยของการใช้งาน Public Cloud นั้นยังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงทั้งการเป็นเป้าโจมตีได้ง่ายจากอาชญากรทางไซเบอร์และการมีความรู้ในการบริหารจัดการระบบที่ยังไม่มาก อีกข้อหนึ่งคงหนีไม่พ้นการใช้งานที่รองรับระบบการเชื่อมต่อได้จากทุกที่ เพราะถ้าใช้ระบบ Private Cloud นั้นบางระบบอาจจะไม่สามารถให้เข้าถึงได้จากภายนอก แต่ถ้าเป็นระบบ Public Cloud นั้นก็ยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น
ปัจจุบันสำหรับ Public Cloud มีอีกไอเดียการใช้งานคือ Multi-Cloud-Usage เพื่อลดปัญหากรณีเกิดปัญหาขึ้นกับ Public Cloud เจ้าใดเจ้าหนึ่งทำให้เข้าถึงข้อมูลหรือระบบไม่ได้จึงมีการเลือกใช้สองระบบ Public Cloud เพื่อรองรับ แต่ก็ต้องคำนวณเรื่องงบประมาณ และ การส่งข้อมูลกันระหว่างสองระบบที่ต่างกันด้วย ด้านความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่ต้องกังวลไม่น้อย
ระบบผสมผสานของสองระบบก่อนหน้า คือ Hybrid Cloud เป็นระบบที่มีองค์ประกอบของสองระบบเข้ามารวมกันคือมีทั้ง Private Cloud กับ Public Cloud ผสมกัน เป็นการเอาข้อดีระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud มาใช้ร่วมกัน เช่น การนำ Private Cloud มาใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่สำคัญของระบบไว้ใช้ภายในเท่านั้น และใช้ Public Cloud มาใช้เพื่อการ จัดการ การเพิ่มของผู้ใช้งานหรือแอพพลิคเคชันใหม่ๆของธุรกิจและหน่วยงานเพื่อรองรับการขยายตัวที่ Private Cloud ไม่สามารถทำได้ทันที ที่แตกต่างจาก Public Cloud ที่เพิ่มประสิทธิภาพได้ตลอดเวลา เพราะธุรกิจบางประเภทเราไม่สามารถทราบการเข้าใช้งานได้อย่างทันที หากมีกรณีไหนมีคนใช้งานที่เยอะขึ้นอย่างคาดการณ์ไม่ได้
ข้อดีสำหรับการใช้งาน
ข้อเสีย
ดังนั้นหากดูความเป็นไปได้และความเหมาะสมนั้น
ความเหมาะสมนั้นต้องเข้ากับธุรกิจและหน่วยงาน ที่ไม่สามารถนำเข้าข้อมูลที่สำคัญหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนบางส่วนในระบบคลาวด์ได้เนื่องจากเหตุผลทางกฎหมายของบางพื้นที่ หรือ การนำเข้าข้อมูลที่สำคัญมากเกินไปไว้บนระบบก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องระวังดังนั้นการออบแบบระบบให้รองรับหรือใช้งานรูปแบบ Hybrid จึงยึดหยุ่นกว่าต่อให้ต้องลงทุนมากกว่าแต่ก็ได้ทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย