การติดกล้องวงจรปิด CCTV ในสถานประกอบการ ร้านกาแฟ ร้านค้า ถือเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นการปกป้องทรัพย์สิน และเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ประกอบการเอง แต่ในเมื่อเราอยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลหรือผู้มาใช้บริการ ก็สามารถที่จะปกป้องสิทธิของเขาได้เช่นกัน ในฐานะเจ้าของข้อมูลทั้งรูปลักษณ์ และ ใบหน้า

    แล้วห้างร้านต่าง ๆ จะต้องทำอย่างไรหละ? จึงจะสามารถใช้ ‘ฐานประโยชน์โดยชอบธรรม’ อาทิเช่น มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นกฎหมายจึงระบุให้มีการแจ้งสิทธิ์โดยจัดให้มี sticker CCTV Notice เพื่อแจ้งสิทธิ์แก่ผู้มาติดต่อหรือลูกค้าไว้อย่างชัดเจน และเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอีกด้วย

    กฎหมาย PDPA กำหนดโทษทางอาญา ในกรณีที่ บุคคล หรือนิติบุคคลจะต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลในการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผย นั้นคือกฎหมาย ดังนั้นการติดกล้องวงจรปิด ก็ทำได้ และ ห้างร้านก็แค่แจ้งสิทธิ์การมี CCTV ในร้าน โดยการใช้ ‘สติ๊กเกอร์ CCTV Notice’ ที่เราเห็นตามสนามบิน หรือ ห้างร้านต่าง ๆ

    เพราะถ้าหากเราไม่ติดสติ๊กเกอร์เพื่อแจ้งบอก กรณีที่มีการฟ้องร้อง หรือ ดำเนินการตามกฎหมาย ที่มีการละเมิดสิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การฟ้องร้องตามกฎหมายกำหนดให้มีโทษอาญา คือ จำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและมีโทษทางคดีแพ่งในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดการละเมิด จนทำให้เกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง เลือกปฏิบัติ หรือได้รับความอับอาย

    ความผิดทางแพ่ง คือ สถานประกอบการนั้นจะต้องชดใช้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือสูงสุดไม่เกิน 2 เท่าของค่าเสียหายที่แท้จริง และแม้ทั้งสองกรณีไม่ได้เกิดขึ้น คือ ยังไม่มีการกล่าวโทษ ยังไม่เกิดการละเมิด หรือกระทำความผิด แต่กฎหมาย PDPA ยังพ่วง ‘โทษทางปกครอง’ ไว้ด้วย โดยระบุชัดเจนว่า หากบุคคล หรือนิติบุคคลไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด มีโทษปรับสูงสุด 5 ล้านบาท เพราะฉะนั้น Avery IT Tech แนะนำคุณผู้อ่านทุกท่านที่ประกอบธุรกิจร้านค้าต่าง ๆ ติดสติ๊กเกอร์เถอะครับ เพื่อประโยชน์แก่ตัวของท่านเอง

    ทุกท่านสามารถติดตามข่าวสารหรือสาระความรู้แวดวง IT ได้ที่ Avery it tech “เพราะเรื่อง IT อยู่รอบๆตัวคุณ”